การให้คำปรึกษา แปลมาจากคำในภาษาอังกฤษ คือ Counseling ซึ่งโดยทั่วไปหมายถึง การให้คำปรึกษา คำแนะนำ หรือการให้ข้อมูลเพื่อช่วยเหลือ แต่ “การปรึกษาเชิงจิตวิทยา” มีความหมายที่แตกต่างออกไป โดยจากสมาคมการปรึกษาเชิงจิตวิทยานานาชาติ (International Association for Counseling: IRTAC) ให้นิยามจิตวิทยาการปรึกษาไว้ว่า คือ วิธีการแห่งการสร้างความสัมพันธ์และการตอบสนองต่อผู้อื่นโดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นโอกาสให้บุคคลได้สำรวจตนเอง ทำให้ชีวิตชัดเจนขึ้น และใช้ชีวิตในทางที่น่าพึงพอใจและสร้างสรรค์

Blogger templates

วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2556

พื้นฐานทางสรีรวิทยา

โครงสร้างการทำงานและระบบต่างๆ ของร่างกาย


โครงสร้างการทำงานของร่างกาย
ร่างกายของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดในโลกนั้นจะมีโครงสร้างทางร่างกาย ที่ประกอบจากหน่วยที่เล็กที่สุดจนไปถึงหน่วยที่ใหญ่ที่สุด ในแต่ละหน่วยนั้นจะมีการทำงานที่สัมพันธ์ซึ่งกันและกัน โดยไม่สามารถแยกการทำงานออกจากกันตามลำพังได้
ตัวอย่างเช่น โครงสร้างร่างกายของมนุษย์นั้นประกอบไปด้วยหน่วยที่เล็กที่สุดซึ่งไม่สามารถมองด้วยตาเปล่าได้ที่เรียกว่า เซลล์ (Cell) หลาย ๆ เซลล์ที่ทำหน้าที่เดียวกันเมื่อมาอยู่รวมกันเรียกว่า เนื้อเยื่อ (Tissues) หลาย ๆ เนื้อเยื่อมาทำงานรวมกันเรียกว่า อวัยวะ (Organ) หลาย ๆ อวัยวะเมื่อมาทำงานร่วมกันเรียกว่า ระบบ (System) ดังแสดงในแผนผัง

ระบบต่างๆ ในร่างกาย
การดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตนั้นต้องอาศัยการทำงานที่สัมพันธ์กันของระบบต่างๆ ที่เป็นปกติ สำหรับระบบการทำงานของร่างกายมนุษย์นั้น สามารถจำแนกได้ 10 ระบบ ได้แก่


1. ระบบผิวหนัง (Integumentary System) เป็นระบบที่ทำหน้าที่เป็นปราการด่านแรกของร่างกายจากเชื้อโรคต่าง ๆ อีกทั้งยังช่วยในด้านของการปรับอุณหภูมิของร่างกายตามสภาวะแวดล้อม ตลอดจนป้องกันการสูญเสียน้ำอีกด้วย

2. ระบบกล้ามเนื้อ (Muscularl System) เป็นระบบที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของร่างกาย

3. ระบบโครงกระดูก (Skeletal System) เป็นระบบที่ทำหน้าที่เป็นโครงร่างของร่างกาย และยังมีบทบาทในการทำงานร่วมกันกล้ามเนื้อในการเคลื่อนไหวของร่างกายด้วย

4. ระบบหมุนเวียนโลหิต (Circulatory System) เป็นระบบที่ทำหน้าที่นำอาหารและออกซิเจนและฮอร์โมนต่าง ๆ เพื่อส่งไปยังอวัยวะอื่น ๆ ทั่วร่างกาย และยังเป็นระบบที่นำคาร์บอนไดออกไซด์กับของเสียที่เกิดจากเซลล์มาขับทิ้งด้วย

5. ระบบหายใจ (Respiratory System) เป็นระบบที่ทำหน้าที่ในการรับออกซิเจนจากภายนอกเข้าสู่ร่างกายเพื่อกระบวนการทำงานของระบบอื่น ๆ และนำคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากกระบวนการในร่างกายขับทิ้งสู่ภายนอก

6. ระบบย่อยอาหาร (Digestive System) เป็นระบบที่ทำหน้าที่ย่อยสลายอาหารให้เป็นสารอาหาร และทำการดูดซึมเพื่อส่งไปหล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย

7. ระบบขับถ่าย (Excretory System) เป็นระบบที่ทำหน้าขับถ่ายของเสียที่ร่างกายไม่ต้องการแล้วออกไป

8. ระบบประสาท (Nervous System) เป็นระบบที่ทำหน้าที่สนองตอบต่อสิ่งเร้าทั้งภายในและภายนอก ตลอดจนทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะทั้งหมดในร่างกายด้วย

9. ระบบสืบพันธุ์ (Reproductive System) เป็นระบบที่ทำหน้าที่ในการสืบทอดและขยายเผ่าพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต เพื่อความต่อเนื่องของการดำรงอยู่ของเผ่าพันธุ์

10. ระบบต่อมต่าง ๆ (Glands System) ทำหน้าที่ในการผลิตฮอร์โมน สารเคมี รวมถึงของเหลวต่าง ๆ ที่มีผลต่อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย

ระบบทั้ง 10 ระบบดังกล่าวข้างต้นนั้น กล่าวได้ว่าไม่มีระบบใดเลยที่สามารถจะดำเนินกระบวนการได้โดยลำพังหรือเป็นอิสระในการทำงาน แต่จะต้องอาศัยการดำเนินการซึ่งสัมพันธ์กับระบบอื่น ๆ ด้วย เช่น ระบบหายใจที่ต้องทำหน้าที่นำออกซิเจนเข้าไปสู่ร่างกายและนำคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาขับทิ้ง จึ้งต้องอาศัยระบบหมุนเวียนโลหิตในการนำออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย 
และนำคาร์บอนไดออกไซด์จากส่วนต่าง ๆ ของร่างกายออกมาขับทิ้งด้วย เป็นต้น ดังนั้นหากระบบต่าง ๆมีการทำงานที่สัมพันธ์กัน ร่างกายโดยทั่วไปก็จะดำรงในภาวะปกติ แต่ถ้าระบบใดระบบหนึ่งไม่สามารถทำงานสัมพันธ์กับระบบอื่น ๆ ได้ ร่างกายก็จะเกิดความผิดปกติขึ้นได้