ท่านรินไซได้ไปเป็นศิษย์ของท่านฮวงโปอยู่ 3 ปี ได้ศึกษาพระธรรมวินัยและข้อปฏิบัติอย่างเคร่งครัด วันหนึ่งเพื่อนของท่านให้ไปถามท่านอาจารย์ฮวงโปว่า
"แก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออะไร ?"
คำตอบที่ท่านได้รับก็คือ ถูกท่านฮวงโปตีด้วยไม้เท้า 3 ทีโดยไม่อธิบายอะไรเลยท่านรินไซน้อยใจจึงคิดจะลาไปยังสำนักอื่น ท่านฮวงโปจึงแนะนำให้ไปหาพระอาจารย์ต้ายู้ซึ่งอยู่ริมแม่น้ำเคาอัน ท่านต้ายู้พอทราบเรื่องราวทั้งหมด จึงบอกกับท่านรินไซว่า
"ที่ท่านฮวงโปตีเจ้านั้น ก็เพื่อปลดเปลื้องเจ้าให้ออกจากความทุกข์ต่างหากเล่า"
การให้คำปรึกษา แปลมาจากคำในภาษาอังกฤษ คือ Counseling ซึ่งโดยทั่วไปหมายถึง การให้คำปรึกษา คำแนะนำ หรือการให้ข้อมูลเพื่อช่วยเหลือ แต่ “การปรึกษาเชิงจิตวิทยา” มีความหมายที่แตกต่างออกไป โดยจากสมาคมการปรึกษาเชิงจิตวิทยานานาชาติ (International Association for Counseling: IRTAC) ให้นิยามจิตวิทยาการปรึกษาไว้ว่า คือ วิธีการแห่งการสร้างความสัมพันธ์และการตอบสนองต่อผู้อื่นโดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นโอกาสให้บุคคลได้สำรวจตนเอง ทำให้ชีวิตชัดเจนขึ้น และใช้ชีวิตในทางที่น่าพึงพอใจและสร้างสรรค์
วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
ไม้จันทน์อยู่ที่ไหน
ชายคนหนึ่งต้องการไม้จันทน์มาก เขาได้ยินมาว่าไม้จันทน์นั้นมีกลิ่นหอม จึงเดินเข้าไปในป่าเพื่อเสาะหาไม้ชนิดนี้ เขาพบคนตัดไม้แล้วกล่าวว่า
“ฉันกำลังหาไม้จันทน์อยู่ ท่านช่วยหาอีกแรงได้ไหม เพราะท่านน่าจะรู้จักป่าแห่งนี้ดี”
คนตัดไม้ตอบว่า
“ไม้จันทน์น่ะหรือ ฉันรู้จัก แต่วันนี้ค่ำเกินไปเสียแล้ว คืนนี้เธอช่วยฉันทำงานเล็กๆ น้อยๆก่อนแล้วกัน แล้วพรุ่งนี้เราจะไปหาด้วยกัน”
“ฉันกำลังหาไม้จันทน์อยู่ ท่านช่วยหาอีกแรงได้ไหม เพราะท่านน่าจะรู้จักป่าแห่งนี้ดี”
คนตัดไม้ตอบว่า
“ไม้จันทน์น่ะหรือ ฉันรู้จัก แต่วันนี้ค่ำเกินไปเสียแล้ว คืนนี้เธอช่วยฉันทำงานเล็กๆ น้อยๆก่อนแล้วกัน แล้วพรุ่งนี้เราจะไปหาด้วยกัน”
วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
เจ้าโง่
ลูกศิษย์คนหนึ่งเคยถามอาจารย์ชิยาม่าว่า
" การตะโกนของนิกายรินไซ กับไม้ตะพดของนิกายโทคูโนยาม่ามันหมายถึงอะไรกันครับ"
อาจารย์ตอบว่า " เธอลองไปตะโกนดูเองสิ "
ว่าแล้วอาจารย์ก็ตะโกนใส่ลูกศิษย์ เสียงดังลั่นว่า " เจ้าโง่ "
" การตะโกนของนิกายรินไซ กับไม้ตะพดของนิกายโทคูโนยาม่ามันหมายถึงอะไรกันครับ"
อาจารย์ตอบว่า " เธอลองไปตะโกนดูเองสิ "
ว่าแล้วอาจารย์ก็ตะโกนใส่ลูกศิษย์ เสียงดังลั่นว่า " เจ้าโง่ "
วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
ฮยากุโจและหมาป่า
เมื่อใดที่ท่านฮยากุโจไขปริศนาเซน จะมีชายชราร่วมฟังอยู่ในหมู่สงฆ์ด้วย และจะกลับพร้อมกับเหล่าพระสงฆ์ แต่วันหนึ่ง เขายังรออยู่ ท่านอาจารย์จึงถามว่า “เธอเป็นใคร?” ชายชราจึงตอบว่า “กระผมไม่ใช่มนุษย์ ในอดีตสมัยของกัสสปพุทธเจ้า กระผมเป็นประธานสงฆ์ของวัดนี้
ครั้งหนึ่งมีพระองค์หนึ่งถามว่า “ผู้ตรัสรู้แล้วตกอยู่ภายใต้กฎแห่งเหตุและผลหรือไม่?” กระผมตอบว่า “ไม่”
เพราะคำตอบนี้ กระผมต้องกลายเป็นหมาป่าอยู่ ๕๐๐ ชาติ ได้โปรดช่วยกระผมด้วย โปรดพูดแก้ชะตาของกระผม
ช่วยกระผมให้พ้นจากร่างหมาป่าด้วยเถิด” แล้วชายชราจึงพูดกับท่านฮยากุโจว่า
ครั้งหนึ่งมีพระองค์หนึ่งถามว่า “ผู้ตรัสรู้แล้วตกอยู่ภายใต้กฎแห่งเหตุและผลหรือไม่?” กระผมตอบว่า “ไม่”
เพราะคำตอบนี้ กระผมต้องกลายเป็นหมาป่าอยู่ ๕๐๐ ชาติ ได้โปรดช่วยกระผมด้วย โปรดพูดแก้ชะตาของกระผม
ช่วยกระผมให้พ้นจากร่างหมาป่าด้วยเถิด” แล้วชายชราจึงพูดกับท่านฮยากุโจว่า
วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556
ชาวนาซื้อที่ดิน
คนผู้หนึ่ง เอ่ยถามอาจารย์เซนว่า
"สิ่งใดน่ากลัวที่สุดในโลก?"
อาจารย์เซนตอบว่า "ความอยาก"
คนผู้นั้นยังคงไม่เข้าใจ อาจารย์เซนจึงเล่าเรื่องๆ หนึ่งให้เขาฟัง ใจความดังนี้
"ยังมีชาวนาผู้หนึ่ง ต้องการหาซื้อที่ดินสักหนึ่งผืน เขาได้ยินมาว่ามีคนต้องการขายจึงได้เดินทางไปพบเพื่อติดต่อขอซื้อ เมื่อไปถึง ชาวนาจึงได้เอ่ยถามคนผู้นั้นว่า "ที่ดินของท่านขายอย่างไร?"
ผู้ที่ต้องการขายที่ดินตอบว่า "ขอเพียงท่านมอบเงินให้ข้า 1000 ตำลึงเท่านั้นจากนั้นให้เวลาท่านหนึ่งวันเต็มๆ นับจากพระอาทิตย์ขึ้น จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกให้ท่านออกเดินเท้าไปรอบๆ ที่ดิน หากท่านสามารถ
เดินวนไปได้ไกลเท่าไหร่ ที่ดินเหล่านั้นล้วนนับเป็นของท่าน แต่หากว่าท่านเดินทางกลับมายังจุดเริ่มต้นไม่ทันพระอาทิตย์ตกดินท่านจะไม่ได้ที่ดินแม้แต่ตารางนิ้วเดียว"
"สิ่งใดน่ากลัวที่สุดในโลก?"
อาจารย์เซนตอบว่า "ความอยาก"
คนผู้นั้นยังคงไม่เข้าใจ อาจารย์เซนจึงเล่าเรื่องๆ หนึ่งให้เขาฟัง ใจความดังนี้
"ยังมีชาวนาผู้หนึ่ง ต้องการหาซื้อที่ดินสักหนึ่งผืน เขาได้ยินมาว่ามีคนต้องการขายจึงได้เดินทางไปพบเพื่อติดต่อขอซื้อ เมื่อไปถึง ชาวนาจึงได้เอ่ยถามคนผู้นั้นว่า "ที่ดินของท่านขายอย่างไร?"
ผู้ที่ต้องการขายที่ดินตอบว่า "ขอเพียงท่านมอบเงินให้ข้า 1000 ตำลึงเท่านั้นจากนั้นให้เวลาท่านหนึ่งวันเต็มๆ นับจากพระอาทิตย์ขึ้น จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกให้ท่านออกเดินเท้าไปรอบๆ ที่ดิน หากท่านสามารถ
เดินวนไปได้ไกลเท่าไหร่ ที่ดินเหล่านั้นล้วนนับเป็นของท่าน แต่หากว่าท่านเดินทางกลับมายังจุดเริ่มต้นไม่ทันพระอาทิตย์ตกดินท่านจะไม่ได้ที่ดินแม้แต่ตารางนิ้วเดียว"
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)