การให้คำปรึกษา แปลมาจากคำในภาษาอังกฤษ คือ Counseling ซึ่งโดยทั่วไปหมายถึง การให้คำปรึกษา คำแนะนำ หรือการให้ข้อมูลเพื่อช่วยเหลือ แต่ “การปรึกษาเชิงจิตวิทยา” มีความหมายที่แตกต่างออกไป โดยจากสมาคมการปรึกษาเชิงจิตวิทยานานาชาติ (International Association for Counseling: IRTAC) ให้นิยามจิตวิทยาการปรึกษาไว้ว่า คือ วิธีการแห่งการสร้างความสัมพันธ์และการตอบสนองต่อผู้อื่นโดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นโอกาสให้บุคคลได้สำรวจตนเอง ทำให้ชีวิตชัดเจนขึ้น และใช้ชีวิตในทางที่น่าพึงพอใจและสร้างสรรค์

Blogger templates

วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

Bodybuilding ลดน้ำหนักด้วยการเพาะกาย

การเล่นกล้ามคือคำตอบของคุณ เพราะนอกจากจะลดความอ้วนได้แล้ว ร่างกายคุณยังแข็งแรง มีอายุยืนอีกด้วย คุณสามารถเล่นกล้ามได้ตลอดชีวิต เพราะมันเป็นทางสายกลาง คุณทานอาหารได้อย่างที่คุณชอบ เพราะสิ่งที่คุณทาน มันจะแปลงเป็นพลังงานให้คุณเล่นกล้ามได้อย่างเต็มที่ ชีวิตคุณจะมีความสุข ที่เห็นสุขภาพตัวเองดีขึ้น อยากทานอะไรก็ทานได้ และนี่คือสิ่งที่คุณควรรู้สำหรับการเล่นกล้าม

1. ตั้งเป้าไว้ว่า จะลดให้ได้เดือนละครึ่งกิโลกรัม ขอให้ตั้งไว้แค่นี้ครับ จำไว้ว่าโลกนี้ ไม่มีคอร์สระยะสั้นสำหรับการลดความอ้วนแบบถาวรหรอกครับ จงอย่าใจร้อน ขอให้ค่อยเป็นค่อยไป ถ้าคุณตัดใจให้คิดได้เช่นนี้ รับรองเลยว่าคุณต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน และทำให้คุณไม่เครียดด้วย นี่แหละจึงเรียกว่าทางสายกลาง เพราะชีวิตคุณก็จะดำเนินไปโดยปกติ เวลาดูว่าตัวเองหมกมุ่นมากไปไหม ก็คือดูว่า ถ้าคุณชั่งน้ำหนักมากกว่า 2 ครั้งต่อเดือน นั่นแหละคือคุณเครียดเกินไป และมีแนวโน้มว่าจะไม่ประสบความสำเร็จ



2. ทุ่มเทกับการเล่นกล้ามอย่างจริงจัง ขอเพียงยกน้ำหนักได้ถูกท่า ถูกวิธี คุณก็จะมีกล้ามเนื้อ พร้อมๆกับการลดไขมันไปด้วยในตัว ขอให้ท่องไว้ในใจว่าคุณเป็นนักเพาะกาย จงมีความศรัทธา และเชื่อมั่นอยู่อย่างนั้นแล้วคุณจะประสบความสำเร็จ ถึงแม้มีคนมาบอกคุณว่า เขาค้นพบวิธีที่ดีกว่าในการลดความอ้วน ก็จงอย่าไขว้เขว การลดความอ้วนมีหลายวิธี แต่วิธีที่ทำให้เรามีความสุขและมีความเคารพตัวเราเองไปด้วย ก็คือการเล่นกล้ามเท่านั้น



3. การทานอาหารของคุณ คุณควรแบ่งจาก 3 มื้อใหญ่ เป็น 6 มื้อย่อยๆ ตามแบบของนักเพาะกาย เพราะร่างกายจะย่อยสลายได้ทันในแต่ละมื้อ ไม่มีเหลือตกไปเป็นไขมันเหมือนกับการทานมื้อใหญ่ แต่หากไม่สะดวกจริงๆ ก็ทาน 3 มื้อตามปกติ แต่เล่นกล้ามให้หนักขึ้นแทนแล้วกันครับ
4. ต้องทานอาหารที่มีประโยชน์ การยกน้ำหนักมากๆ ทำให้มัดกล้ามเนื้อแข็งแกร่ง และเผาผลาญไขมันได้เร็วมาก และการจะยกน้ำหนักมากๆได้ ก็ต้องมีแหล่งพลังงานที่ดี คือมาจากสารอาหารที่ทานและจากอาหารเสริมนั่นเอง จงอย่าคิดง่ายๆว่า จะต้องกินน้อย และไม่ทานอาหารเสริม เพื่อเวลายกน้ำหนัก ร่างกายจะได้ดึงไขมันในร่างกายมาเผาผลาญเป็นพลังงาน เพราะนั่นไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ที่ใครจะประสบความสำเร็จด้วยวิธีนี้



5. การทำแอโรบิคหลังจากเล่นกล้ามเสร็จเป็นเรื่องจำเป็น ในอดีต คุณอาจเคยมีความรู้สึกเบื่อ เมื่อจะต้องปั่นจักรยานอยู่กับที่ หรือเดินบนสายพาน (คำว่าแอโรบิค ไม่ได้หมายถึงการเต้นแอโรบิค แต่หมายถึงการออกกำลังกายชนิดหนึ่งที่ใช้ออกซิเจนมาแปลงเป็นพลังงาน อันได้แก่ การเดินบนสายพาน การวิ่ง การปั่นจักรยานอยู่กับที่ รวมไปถึงการเต้นแอโรบิคนั่นเอง) สาเหตุหนึ่งเพราะสมัยนั้น คุณใช้วิธีการลดอาหาร ควบคู่ไปกับการปั่นจักรยานอยู่กับที่ ซึ่งการลดอาหารทำให้พลังงานคุณน้อยลง จึงรู้สึกเพลีย และไม่สนุกกับมัน แต่สำหรับวิถีทางการเพาะกายแล้ว คุณจะต้องสนุกกับสิ่งที่คุณทำ นั่นคือคุณต้องทานอาหารให้เพียงพอ เพื่อจะได้มีพลังงานพอในการทำแอโรบิค หลังจากที่เล่นกล้ามเสร็จในแต่ละวัน

6. การเล่นกล้ามท้องไม่ช่วยลดไขมันหรือขนาดเอวได้ การบริหารกล้ามท้อง เป็นการทำให้หน้าท้องแข็งแรงเท่านั้น แต่มันไม่เกี่ยวกับการลดไขมัน หรือทำให้เอวคอดลงไปได้ ถ้าจะอธิบายให้เห็นภาพก็คือดังนี้ครับ ในร่างกายเราทุกคน จะมีชั้นไขมันคลุมเป็นแผ่นบางๆ (เขาเรียกว่า Layer) ไว้ทั่วร่าง ใครก็ตามที่ทำให้แผ่น Layer นี้บางลงได้ คนนั้นก็จะมีกล้ามเนื้อชัดทั้งตัวครับ รวมไปถึงหน้าท้องด้วย ในทางกลับกัน ถ้าคุณบริหารแต่หน้าท้อง โดยหวังที่จะให้ Layer ตรงหน้าท้องหายไปที่เดียว เพื่อจะได้กล้ามท้องชัดๆนั้น ไม่มีทางทำได้ครับ แล้ววิธีแก้คืออะไร วิธีแก้ก็คือต้องออกกำลังกาย ให้ร่างกายไปนำเอา Layer เหล่านี้มาแปลงเป็นพลังงาน การทำเช่นนี้จะทำให้ Layer บางลงเรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับว่าเราใช้พลังงานมากแค่ไหนนั่นเอง และวิธีดีที่สุดคือการเพาะกายครับ

คุณลองสังเกตได้ตามสวนลุมพินี หรือที่ไหนก็ตามที่มีสถานที่วิ่งได้น่ะครับ จะพบภาพอย่างหนึ่งคือ คนอ้วนๆที่วิ่งทุกเช้า พอวิ่งเสร็จแล้วก็ซิทอัพต่อ แต่สิ่งที่ฟ้องสายตาคุณก็คือ พุงของคนพวกนี้ก็ยังเท่าเดิมครับ ถ้าไม่เชื่อลองออกไปเดินดูก็ได้ครับ แล้วถามเขาว่าซิทอัพหรือวิ่งมานานเท่าไรแล้ว คุณจะแทบไม่เชื่อเลยว่าเขาทำมาเป็นปีๆแล้ว ก็เพราะหุ่นเขายังอ้วนเหมือนเดิมครับ ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่า เพียงแค่การวิ่งอย่างเดียว ร่างกายยังเผาผลาญไขมันส่วนเกินได้ไม่เพียงพอนั่นเอง ต้องรวมเพาะกายเข้าไปด้วย จึงจะได้ผลเป็นอย่างดีครับ