การให้คำปรึกษา แปลมาจากคำในภาษาอังกฤษ คือ Counseling ซึ่งโดยทั่วไปหมายถึง การให้คำปรึกษา คำแนะนำ หรือการให้ข้อมูลเพื่อช่วยเหลือ แต่ “การปรึกษาเชิงจิตวิทยา” มีความหมายที่แตกต่างออกไป โดยจากสมาคมการปรึกษาเชิงจิตวิทยานานาชาติ (International Association for Counseling: IRTAC) ให้นิยามจิตวิทยาการปรึกษาไว้ว่า คือ วิธีการแห่งการสร้างความสัมพันธ์และการตอบสนองต่อผู้อื่นโดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นโอกาสให้บุคคลได้สำรวจตนเอง ทำให้ชีวิตชัดเจนขึ้น และใช้ชีวิตในทางที่น่าพึงพอใจและสร้างสรรค์

Blogger templates

วันพุธที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2557

คุณเป็นใช้สมองซีกซ้ายหรือซีกขวามากกว่ากัน

การทำงานของสมองซีกขวา และซีกซ้าย สมองซีกขวา จะควบคุมการทำงานของสมองซีกซ้ายของร่างกาย โดยสมองซีกขวาจะทำงานในในหน้าที่ตามแนวทางที่สร้างสรรค์ จินตนาการทางด้านศิลปะ เช่น ทัศนศิลป์ ดนตรี นาฏศิลป์ รวมไปถึงการรับรู้สัญชาตญาณและอารมณ์ความรู้สึก ซึ่งสมองซีกขวาจะสั่งให้กระบวนการต่าง ๆ ภายในร่างกายทำงานพร้อมกันได้ในทันที

ความถนัดของคนที่ใช้สมองซีกขวา มักสนใจในการทำงาน หรือการรับรู้เป็นพิเศษที่เกี่ยวกับ
1. ศิลปะแขนงต่าง ๆ
2. งานที่เกี่ยวกับอารมณ์ขัน


3. การใช้ภาษาง่าย ๆ ที่ไม่สลับซับซ้อน
4. การศึกษาความคิดในเชิงปรัชญา
5. การจัดสวนหรือปรับแต่งต้นไม้ให้กลมกลืนกับธรรมชาติ
6. ความสารถในงานฝีมือ และงานประดิษฐ์
7. งานที่เกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์ จิตรกร การออกแบบ งานประเภทครีเอทีฟโฆษณา
8. รักการอ่าน การเขียนหนังสือ มีความสามารถแต่งแต้มจินตนาการลงในงานเขียนได้เป็นอย่างดี
9. ประเภทศิลปิน ดารา นักแสดง ซึ่งที่มักต้องใช้อารมณ์ความรู้สึกทั้งทางร่างกายและคำพูด
ลักษณะเฉพาะที่ปรากฏในบุคคลที่ถนัดใช้สมองซีกขวา คือ ส่วนมากมักถนัดการเขียนหนังสือด้วยมือซ้าย หรือสามารถทำงานด้วยมือซ้ายได้ดี แต่มีสิ่งที่ควรระวังสำหรับการใช้สมองซีกขวาเพียงด้านเดียวมากเกินไป อาจเป็นคนขาดระเบียบ การใช้ชีวิตไม่ค่อยมีแบบแผน ขั้นตอน สื่อสารกับคนอื่นไม่ค่อยเข้าใจ

ความถนัดของคนที่ใช้สมองซีกซ้าย จะควบคุมการทำงานของสมองซีกขวาของร่างกาย โดยสมองซีกซ้ายจะควบคุมการแสดงออก และทำหน้าที่ในการคิดอย่างมีสามัญสำนึก เป็นเหตุเป็นผล รวมถึงการวิเคราะห์แยกแยะรายละเอียด การจัดลำดับความสำคัญของข้อมูล ตีความสัญลักษณ์ในภาษา อักษรและตัวเลขได้ดี ซึ่งใน
สมองซีกซ้ายนั้นสามารถสั่งให้กระบวนการต่าง ๆ ภายในร่างกายทำงานได้ทีละอย่าง ความถนัดของคนที่ใช้สมองซีกซ้ายมักสนใจในการทำงาน หรือการรับรู้เป็นพิเศษที่เกี่ยวกับ

1. การพูดโน้มน้าวจิตใจคน
2. การตีความหมายของภาษา
3. การวิเคราะห์เวลาและความเสี่ยง
4. อาชีพที่ต้องใช้การคำนวณ บวก ลบ คูณ หาร ตัวเลข
5. การจัดหมวดหมู่ การแยกประเภทสินค้าต่าง ๆ
6. ผู้บริหารที่ต้องจัดการวงแผนอย่างมีเหตุผล ระบบขั้นตอน
7. งานที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์
8. นักกีฬาที่ต้องใช้กล้ามเนื้อแขนและขา
9. อาชีพที่ต้องใช้ความแม่นยำสูง เช่น ศัลยกรรมแพทย์ วิศวกร
ลักษณะเฉพาะที่ปรากฏในบุคคลที่ถนัดใช้สมองซีกซ้าย คือ ส่วนมากมักถนัดการเขียนหนังสือด้วยมือขวา หรือสามารถทำงานด้วยมือขวาได้ดี แต่มีสิ่งที่ควรระวังสำหรับการใช้สมองซีกซ้ายเพียงด้านเดียวมากเกินไป อาจเป็นคนที่มีความเครียดสูงอยู่ในตัว เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ โดยปกติคนเราต้องใช้สมองทั้งซีกขวาและซีกซ้าย ส่วนจะใช้ซีกใดมากหรือน้อยกว่ากันจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่ถูกกำหนดโดยบทเรียน สาขา โปรแกรมการเรียน ภาระหน้าที่การงาน อาชีพ วิถีชีวิต และการนันทนาการ เพราะการทำงานของสมองนั้นโดยปกติจะต้องปรับใช้ร่วมกันทั้งสองซีกโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ไม่อาจใช้ซีกใดซีกหนึ่งเพียงซีกเดียว โดยละทิ้งไม่ใช้สมองอีกซีกหนึ่ง เนื่องจากร่างกายไม่สามารถทำงานจากการสั่งการของสมองเพียงซีกเดียวได้
การทำงานของสมองซีกขวา และซีกซ้าย สรุปได้ว่า ความสามารถของสมองทั้งสองซีก เป็นปัจจัยสำคัญในการจัดการเรียนรู้ กระบวนการที่นำมาใช้ในการจัดการเรียนรู้มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคำนึงถึงการพัฒนาสมองทั้งสองซีกของผู้เรียนเป็นหลัก ส่วนความต้องการส่งเสริมหรือปรับเปลี่ยนให้พัฒนาด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษนั้นขึ้นอยู่กับลักษณะเฉพาะตัวของผู้เรียนคนนั้น ๆ การจัดการเรียนรู้เป็นการพัฒนาศักยภาพทางสมองให้เพิ่มมากขึ้น และยังสามารถช่วยให้ผู้เรียน ครู หรือผู้ปกครองค้นพบความสามรถพิเศษสุด และความพิเศษอื่น ๆ ในตัวของผู้เรียนได้ การจัดการเรียนรู้ระดับคุณภาพ จะส่งผลดีต่อการพัฒนาทางด้านสมองของผู้เรียนอย่างเห็นได้ชัด ปรากฏให้เห็นได้จริง ดังนั้นผู้จัดการเรียนรู้ตั้งแต่ระดับอนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น และตอนปลาย จะต้องมีความรู้และ ทักษะเข้าใจด้านกระบวนการของสมองทั้งสองซีกที่เข้ามามีบทบาทในการจัดการเรียนรู้นั้น ๆ อย่างสอดคล้อง