การให้คำปรึกษา แปลมาจากคำในภาษาอังกฤษ คือ Counseling ซึ่งโดยทั่วไปหมายถึง การให้คำปรึกษา คำแนะนำ หรือการให้ข้อมูลเพื่อช่วยเหลือ แต่ “การปรึกษาเชิงจิตวิทยา” มีความหมายที่แตกต่างออกไป โดยจากสมาคมการปรึกษาเชิงจิตวิทยานานาชาติ (International Association for Counseling: IRTAC) ให้นิยามจิตวิทยาการปรึกษาไว้ว่า คือ วิธีการแห่งการสร้างความสัมพันธ์และการตอบสนองต่อผู้อื่นโดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นโอกาสให้บุคคลได้สำรวจตนเอง ทำให้ชีวิตชัดเจนขึ้น และใช้ชีวิตในทางที่น่าพึงพอใจและสร้างสรรค์

Blogger templates

วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

การให้อภัย คือ การปลดปล่อยตัวเองจากความผิดของคนอื่น

ความคับแค้นภายในจิตใจนี่แปลก มันร้อน มันแล้ง มันร้าวลึกอยู่ภายในจิตใจของเราอยู่อย่างนั้นไม่ยอมไปไหน เวลานึกขึ้นมาได้ทีไรก็โมโห โกรธ เกลียด เจ็บปวด เสียใจ ทรมานใจ... มีอีกหลายอาการใจสารพัด ที่เรียกรวมๆกันว่าทุกข์ ทุกข์เพราะมันคั่งแค้นอยู่ในใจ ไม่ออกจากใจเราไปเสียที

และก็แปลกอีกที่ว่า ในขณะที่เราเจ็บ แค้น ทุกข์ ทรมานใจ บางทีอีกฝ่ายที่กลายร่างเป็นคู่ปรับทางใจเรานั้นกลับไม่ได้รู้สึกรู้สมอะไรกับเราเลย

ก็อย่างว่าแหละ อารมณ์ความรู้สึก มันเป็นของใครของมัน เหมือนอาการปวดหัว ปวดท้อง บอกใคร ใครเขาก็แค่รับฟังไปแบบก็เข้าใจ แต่ไม่ปวดไปกับเราด้วยหรอก


พี่พูดคุยกับหลายคนที่เจ็บปวด ร้อนรุ่มด้วยเพราะหลายเหตุผลด้วยกัน ทั้งโดนกลั่นแกล้ง โดนทอดทิ้ง บอกเลิก โดนกลโกง โดนอะไรๆอีกมากมายแล้วแต่เรื่องของใครของมันมากเกินจะบรรยาย

แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนมีไม่แตกต่างกันเลยคือการเก็บมันไว้ เก็บทั้งเรื่องราว อารมณ์ ความรู้สึก และที่สำคัญคือการปูนป้ายหมายหัวฝ่ายตรงข้ามยึดตรึงเอาไว้อย่างแม่นมั่น ไอ้คนนี้ เขาคนนั้น มันคนโน้น โน่นนี่นั่น มันเคยทำอย่างนี้อย่างนั้น...

"มันนานเท่าไหร่แล้วนับจากวันนั้น" พี่ชอบถามอย่างนี้ เพื่อจะให้เขาดูว่าเรื่องที่กำลังพูดคุยกันอยู่นี้ เขาต้องอยู่กับมันมานานแค่ไหนแล้ว แล้วระยะเวลาของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป นานบ้างน้อยบ้าง รับฟังแล้วก็สงสารหัวใจ ที่ต้องผูกกับความทุกข์ทรมานใจมาแสนนาน

"แล้วฝ่ายนั้นเขารับรู้ และรู้สึกอย่างไรบ้างตอนนี้" พี่มักจะถามแบบนี้ เพราะพี่รู้ว่าอาการใจนี่มันเป็นเรื่องเฉพาะตัว ของใครของมัน เรารู้สึกอย่างนั้นแต่เขาอาจจะไม่รู้สึกอะไรกับเราเลยก็ได้ ไม่แม้แต่จะสะใจ สมใจหรือสนใจ บางทีถามมาถามไปพบว่าอีกฝ่ายไม่ได้รู้สึกอะไร เขาผ่านมันไปได้ก่อนเราที่มัวผูกใจเจ็บเสียอีก

"เขาไม่รับรู้ ไม่รู้สึกอะไร แล้วเราจะถือมันไว้ทำไมคนเดียวล่ะ" พี่ก็ถามกลับไปแบบคนนอกคนนึงธรรมดา เพราะเราได้รับรู้ความทรมานใจแล้วเข้าใจและเห็นใจ ยิ่งพูดคุยกับหลายคนยิ่งเรียนรู้ว่าเรื่องอารมณ์ความรู้สึกนี้มันเป็นเรื่องของใครของมัน เราเจ็บของเราคนเดียว เขาไม่มาเข้าใจ ไม่ได้มาเจ็บกับเราแน่นอน

เหมือนหินหนักๆ เหมือนไฟร้อนๆ ความหนัก ความร้อน ความเจ็บปวดมันเป็นของเราคนเดียว ไม่มีใครหยิบออกให้ได้ ได้เพียงแค่แนะหนทางให้

เช่นเดียวกันก็ไม่มีใครทำร้ายเราได้ ถ้าเราไม่ยินยอมพร้อมใจ เปิดปล่อยให้เขาเข้ามามีอิทธิพลเหนือจิตใจเราเช่นกัน

ที่สำคัญคือ ใครถืออะไร แบกน้ำหนักอะไร ยึดถือทนร้อนอย่างไร ก็ต้องวางต้องดับเอาเอง เพราะเป็นเรื่องของใจคน เป็นเรื่องส่วนตัวเฉพาะคนๆนั้นจริงๆ

พี่เขียนมานี้ไม่ได้หวังให้ใคร ให้อะไรแก่ใคร หรือให้อภัยเพื่อใครทั้งนั้น แต่เป็นการบอกให้ทำเพื่อใจตัวเอง ทำเพื่อตัวเราเองเสียบ้าง

เพราะถ้าเราไม่ยึดถือความโกรธเกลียดเสียใจเจ็บปวดหัวใจเอาไว้ เรานั่นแหละที่จะสบายใจ ไม่ใช่ใครอื่นเลย ว่าไหม